ไม้ เป็นหนึ่งในวัสดุที่หลายคนอยากเอามาใช้ทำพื้นในบ้าน เพราะให้ความรู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติ ดูอบอุ่น สบาย และช่วยลดความแข็งของผนังและเพดานคอนกรีตได้เป็นอย่างดี แต่ปัจจุบันไม้เริ่มหาได้ยากและมีราคาแพงขึ้น วัสดุอย่างไม้เทียมก็อาจจะยังให้ความรู้สึกไม่ได้ดีเท่าของจริง “ปาร์เก้” จึงเข้ามาช่วยตอบโจทย์ เพราะนอกจากจะเป็นไม้จริงที่ราคาไม่แพง ยังมีสีสัน ลวดลาย และเกรดให้เลือกมากมายครับ
แต่หลายครั้งที่เมื่อใช้พื้นปาร์เก้ไปนานๆ เรากลับพบปัญหาตามมามากมาย ทั้งการปูแล้วไม่เรียบ บวมน้ำ มีรอยขีดข่วน ปริแตก หรือที่เรียกกันว่า “ปาร์เก้ระเบิด” สาเหตุส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ที่ตัววัสดุ แต่มักเกิดจากช่างมักง่าย หรือไม่มีประสบการณ์เพียงพอ เราจึงจำเป็นต้องมีการตรวจสอบพื้นไม้อย่างถูกต้องก่อนรับงานผู้รับเหมา ด้วยวิธีต่อไปนี้ครับ
รู้จักกับปาร์เก้
ปาร์เก้ คือไม้จริงที่ถูกตัดเป็นท่อนเล็กๆ เป็นไม้ที่เหลือจากการตัดไม้เป็นชิ้นใหญ่ๆ เพื่อเอาไปทำเสา ของตกแต่งบ้าน หรือเฟอร์นิเจอร์ ทำจากไม้จริงหลายชนิด อาทิ ไม้สัก ไม้มะค่า ไม้ตะแบก ไม้ประดู่ ไม้แดง ไม้แคมปัส ไม้เต็ง ไม้บีช ไม้ชิงชัน ไม้เบญจพรรณ ผ่านการอบและไส มีทั้งแบบมีลิ้น-ร่อง และแบบที่ไม่มีลิ้น โดยปาร์เก้แบบทั่วไปจะเป็นไม้ชิ้นเล็กๆ ที่มีหน้ากว้าง 2 นิ้ว ถึง 6 นิ้ว ยาวไม่เกิน 18 นิ้ว หนาประมาณ 1 นิ้ว เวลาขายจะขายเป็นมัด มัดหนึ่งจะปูได้ประมาณ 1 ตารางเมตร ส่วนปาร์เก้แบบโมเสกที่มีหน้ากว้าง 1 นิ้ว ยาว 4 นิ้ว มาเรียงต่อกันเป็นลวดลายแผ่นสี่เหลี่ยมขนาด 1 ตารางฟุต สำหรับรูปแบบการปูปาร์เก้ที่นิยมกันก็มี ลายก่ออิฐ 1 ชั้น ลายก่ออิฐ 2 ชั้น ลายก้างปลาเดี่ยว ลายก้างปลาคู่ ลายตารางหมากรุก เป็นต้น
อนึ่งอย่าสับสนกับ ไม้รางลิ้น นะครับ แม้ว่าวัสดุและรูปแบบการใช้งานจะเหมือนกับไม้ปาร์เก้ คือเป็นไม้ที่เอามาทำพื้นเหมือนกัน แต่ไม้รางลิ้นคือไม้ที่ถูกตัดออกมาให้มีขนาดยาวกว่าไม้ปาร์เก้ โดยมีขนาด หนา 1 นิ้ว กว้าง 4-6 นิ้ว และ ยาว 100-200 เซนติเมตร และมีวิธีติดตั้งที่ต่างกันคือ ต้องมีการวางตงไม้และใช้ตะปูยึดกับตงไม้แทนการใช้กาว เพื่อไม่ให้แผ่นไม้ดีดตัวขึ้นมาเนื่องจากขนาดที่ยาวเกินไปนั้นเอง โดยไม้ปาร์เก้เหมาะกับห้องขนาดไม่ใหญ่มากนักเพราะต้องใช้เวลาในการปูและขัดนาน ส่วนไม้รางลิ้นเหมาะกับห้องใหญ่ๆ เพราะจะได้เห็นรอยต่อของไม้มากกว่าห้องเล็กๆ ครับ
1. ตรวจดูชนิดและคุณภาพของไม้ปาร์เก้
สำหรับการตรวจไม้ปาร์เก้ ขั้นตอนแรก ตอนที่คุยกับช่างจะต้องมีการพูดคุยกันเรื่องคุณภาพและราคาของปาร์เก้ว่าท่านเจ้าของบ้านต้องการปาร์เก้แบบไหน ชอบไม้อะไร และต้องการปูเป็นลวดลายแบบไหน เนื่องจากปาร์เก้เป็นพื้นไม้จริง ทำให้คุณภาพมีตั้งแต่ถูกไปจนถึงแพง ทั้งยังมีสีสันและลวดลายที่แตกต่างกันไปตามชนิดของไม้ที่นำมาตัดเป็นท่อน โดยปาร์เก้ชิ้นใหญ่จะมีราคาสูงกว่าชิ้นเล็ก และไม้เต็ง ไม้ประดู่ ไม้รังจะราคาถูกกว่า ไม้แดง ไม้มะค่า ไม้สัก ซึ่งมีการแบ่งเกรดไม้ตั้งแต่เกรด B, AB, A, AA และ AAA ที่จัดว่าเป็นปาร์เก้เกรดดีที่สุดซึ่งทำจากไม้สักและไม้มะค่าที่มีคุณภาพดีและมีราคาแพงมากที่สุด ปาร์เก้ที่เกรดดีจะมีสีสม่ำเสมอกัน ผิวเรียบเนียน ไม่มีตำหนิ และ มีการเคลือบน้ำยารักษาเนื้อไม้ไว้อย่างดีครับ
เมื่อเลือกปาร์เก้ที่ต้องการได้แล้ว เมื่อช่างซื้อไม้เข้ามา ก็ต้องมีการตรวจชนิดและคุณภาพว่าตรงสเป๊คที่คุยกันหรือไม่ ป้องกันการโดนซื้อของถูกมาแต่คิดราคาแพง ถ้าดูแล้วไม่น่าใช่ปาร์เก้ตามที่คุยกันไว้หรือของมีคุณภาพไม่ดีตามราคาต้องขอให้ช่างเปลี่ยน ซึ่งในขั้นตอนนี้ถ้าท่านเจ้าของบ้านเป็นผู้เลือกปาร์เก้เอง จะช่วยให้สามารถข้ามขั้นตอนตรวจนี้ไปได้ และได้ไม้ตรงกับที่อยากได้แน่นอนครับ ท่านเจ้าของบ้านก็จ้างช่างในขั้นตอนการปูและเก็บงานเท่านั้นครับ
2. ตรวจดูการเตรียมพื้นก่อนปู
เมื่อได้ปาร์เก้มาแล้ว ก็ต้องมาตรวจพื้นที่จะปูว่าได้ระดับและเรียบเนียนหรือไม่ ถ้าเป็นพื้นคอนกรีตต้องมีการเทปูนปรับระดับเพื่อให้พื้นเรียบก่อนและหลังเทปูนต้องทิ้งไว้ให้พื้นแห้งก่อนด้วย ทั้งนี้เพราะปาร์เก้คือไม้จริง ดังนั้นต้องไม่ให้โดนน้ำหรือมีความชื้นเกิดขึ้น เพราะจะทำให้ไม้บวมน้ำได้ ทั้งนี้สามารถทดสอบว่าพื้นมีความชื้นเกิดขึ้นหรือไม่โดยการปูแผ่นพลาสติกที่กันน้ำได้คลุมพื้นไว้และทิ้งไว้หลายวัน ดูว่ามีไอน้ำเกาะใต้แผ่นพลาสติกหรือไม่ ทั้งนี้หากเป็นพื้นชั้นล่างที่ติดกับพื้นดิน ต้องมีการทำระบบกันซึมโดยรอบก่อนเพื่อป้องกันความชื้นจากพื้นดิน โดยอาจจะใช้พลาสติกปูทับพื้นก่อนเทคอนกรีต และหากมีการปูปาร์เก้ทับวัสดุเดิม ต้องตรวจดูว่ามีการปูแผ่นยางทับหน้าวัสดุเดิมก่อนหรือไม่ เพื่อเป็นการปรับระดับพื้นให้เรียบก่อนจะปูปาร์เก้ทับ อย่างไรก็ตามไม่แนะนำให้ปูปาร์เก้ทับวัสดุอื่น ควรเลาะวัสดุเดิมทิ้งก่อนแล้วเทปูนปรับระดับใหม่ เมื่อพื้นปรับระดับและทิ้งให้แห้งแล้ว ต้องมีการกวาดฝุ่นและทำความสะอาดพื้นก่อนที่จะอนุญาตให้ช่างเริ่มปูพื้นในขั้นต่อไป
3. ตรวจดูขั้นตอนการปู
ในขั้นตอนการปูปาร์เก้จะต้องใช้กาวลาเท็กซ์ค่อยๆ ทยอยทาเป็นช่วงๆ และปูพื้นไปด้วย โดยตรวจดูว่าช่างใช้กาวลาเท็กซ์แบบใด ซึ่งมีหลายยี่ห้อเพิ่มส่วนผสมที่พิเศษกว่าชนิดทั่วไป เช่น ผสมสารกันปลวก หรอจะเลือกใช้กาวโพลียูลิเธนซึ่งสามารถทนความชื้นได้ดีกว่าก็ได้ ส่วนจะใช้งานได้ดีไหม คงต้องลองหารีวิวอ่านกันดูนะครับ แต่ถ้าเอาแค่ติดแน่นก็เอากาวลาเท็กซ์แบบปกติก็พอแล้ว สำหรับไม้ปาร์เก้ที่มีขนาดค่อนข้างยาวมากอาจจะต้องใช้การปูแบบวางตงไม้รองพื้นและใช้ตะปูยึด เพื่อป้องกันไม้ดีดและโก่งขึ้นมา
สำหรับการปูพื้น ตรงนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของช่างว่าสามารถทำงานได้เนียบแค่ไหน เช่น การเผื่อขอบเพื่อสามารถจบพื้นได้พอดี การตัดเศษให้พอดีกับพื้นที่เหลือ การเผื่อช่องว่างสำหรับให้พื้นไม้ขยายตัว ในขั้นตอนนี้ให้ตรวจดูความเรียบร้อยขณะทำงานบางส่วนและเมื่อแล้วเสร็จว่างานปูพื้นออกมาเรียบร้อยแค่ไหน และต้องตรวจดูด้วยว่าช่างปูได้ถูกต้องกับรูปแบบของลวดลายที่เลือกไว้หรือไม่
4. ตรวจดูขั้นตอนการขัด
เมื่อปูพื้นเสร็จเรียบร้อย ต้องทิ้งไว้หลายวันเพื่อดูว่าไม้มีการยืดหดตัวอย่างไร เพื่อที่จะแก้ไขได้ทันท่วงที ถ้าพื้นไม่มีปัญหาแล้วขั้นตอนต่อไปคือการขัดพื้นให้พื้นผิวเรียบเท่ากันทั้งผืน โดยใช้เครื่องขัดขนาดเล็กกับกระดาษทรายเบอร์ละเอียด โดยขั้นตอนนี้ควรให้ช่างขัดไป ทำความสะอาดไป และถ้ามีเฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ใกล้กับบริเวณที่ขัดต้องหาอะไรมาคลุมก่อน เพราะจะเกิดฝุ่นจากการขัดค่อนข้างมาก ทั้งนี้ไม่ควรขัดปาร์เก้มากเกินไปเพราะจะทำให้ผิวหน้าบาง เมื่อขัดเสร็จก็ให้ตรวจดูความเรียบร้อยว่างานขัดเรียบเท่ากันทั้งแผ่นหรือไม่
5. ตรวจดูขั้นตอนการลงสี
ตรงนี้อาจจะต้องคุยกับช่างก่อนว่าต้องการให้เคลือบไม้แบบไหน เช่น ต้องการให้พื้นผิวมัน ผิวด้าน หรือ พื้นผิวมีสีเข้มหรืออ่อนจากสีของพื้นไม้เดิม อาจจะให้ช่างหรือร้านขายวัสดุก่อสร้างแนะนำก็ได้ ที่นิยมใช้กันก็พวกโพลียูรีเทน (เคมเกรซ) หรือเรียกว่าน้ำมันเคลือบแข็งพื้นไม้ก็มีคุณสมบัติที่น่าสนใจ เช่น ฟิลม์แข็ง ทนต่อแรงขีดข่วน มีความเงางาม ทนความร้อนได้สูง ป้องกันน้ำซึมเข้าเนื้อไม้ เช็ดทำความสะอาดง่าย ป้องกันเชื้อรา มอด ปลวก โดยต้องผสมกับยูริเทน และ ทินเนอร์ด้วยในการทารอบแรกๆ การตรวจงานในขั้นต้อนนี้ ควรศึกษาจากคู่มือผลิตภัณฑ์แล้วให้ช่างทำตามนั้นนะครับ นอกจากนี้ยังมีแลคเกอร์, ยูรีเทน, สีย้อมไม้, วานิช, น้ำมันย้อมไม้ อีกมากมายตรงนี้ก็คงแล้วแต่ความชอบของท่านเจ้าของบ้าน อย่างไรก็ตามให้ทาเฉพาะด้านบน ส่วนใต้แผ่นที่ปูห้ามทา เพราะจะทำให้ปาร์เก้ไม่ติดกับกาวและหลุดได้ง่าย หลังทาแล้วต้องทิ้งไว้หลายๆวันจนกว่าสีเคลือบจะแห้งถึงจะใช้งานได้ หรือจะลองเลือกปาร์เก้ที่มีการขัด ทำสีและเคลือบมาจากโรงงานแล้วก็ได้ สามารถซื้อมาปูได้เลย ลองเลือกกันดูได้นะครับ
หวังว่าแนวทางการตรวจพื้นไม้ปาร์เก้จะมีประโยชน์สำหรับคนที่ชื่นชอบและกำลังวางแผนจะปูปาร์เก้กันนะครับ อยากทราบแนวทางการตรวจพื้นแบบไหนอีก สามารถแนะนำกันเข้ามาได้เลย
ส่วนใครที่อยากรู้แนวทางการตรวจบ้านก่อนรับโอนแบบสรุปมาให้ทุกส่วน เรามีเช็คลิสต์ตรวจบ้านก่อนรับโอนมาแนะนำด้วยเช่นกัน คุณสามารถติดตามได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างนี้เลยครับ
บทความดีๆจาก www.baania.com
https://www.baania.com/th/article/5-ขั้นตอนตรวจงานพื้นไม้ปาร์เก้-article_2755
Commentaires